ประวัติและความเป็นมา

ค.ศ. 1904
Kaiun Mishima ในฐานะผู้ค้นพบ ซึ่งขณะนั้นเขาได้เดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ประเทศมองโกเลีย เขาประหลาดใจที่ได้เห็นคนมองโกเลียส่วนใหญ่ดื่มนมที่หมักด้วยแลคโตบาซิลลัส เขาจึงลองดื่มบ้าง แล้วพบว่านมที่ผ่านการหมักแลคโตบาซิลลัสนี้มีรสชาติดีและยังช่วยบำรุงให้ร่างกายแข็งแรง เนื่องจากระบบการย่อยอาหารของเขาอ่อนแอ หลังจากที่เขาได้ใช้ระยะเวลายาวนานในการเดินทางไปยังประเทศมองโกเลีย
ค.ศ. 1919
เครื่องดื่มแบรนด์แรกที่มีแลคโตบาซิลลัส
คาลพิสขวดแรกได้ออกจำหน่ายครั้งแรกในวันที่7 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันทะนะบะตะ
หรือ เทศกาลดวงดาว
เนื่องจากวันแรกที่เริ่มจำหน่ายคาลพิสนั้นเป็นวันทะนะบาตะ
ดังนั้นดีไซน์แพ็คเก็จบนขวดคาลพิสจึงไดัถูกออกแบบให้เป็นลายจุดเพื่อลิงค์กับทางช้างเผือกในวันทะนะบะตะ
ค.ศ. 1922
เพื่อที่จะเชื่อมโยงอิมเมจของคาลพิสกับอิมเมจของทางช้างเผือกในวันทานะบะตะเข้าด้วยกัน
ลายของขวดคาลพิสจึงได้ถูกออกแบบให้เป็นพื้นสีน้ำเงินลายจุดสีขาว
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นลายจุดของคาลพิส
ค.ศ. 1953
หลังจากสิ้นสุดสงครามในญี่ปุ่น
คาลพิสอยากให้กำลังใจผู้คนและทำให้ผู้คนกลับมาร่าเริงอีกครั้ง
จึงได้เปลี่ยนลายขวดจากพื้นสีน้ำเงินลายจุดสีขาว เป็นพื้นสีขาวลายจุดน้ำเงิน และลายนี้ก็ถูกมาใช้จนถึงปัจจุบัน
ค.ศ. 2012
วันทะนะบะตะ หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของ เทศกาลดวงดาว ตรงกับวันที่7เดือน7ของทุกปีในญี่ปุ่น
ตามตำนาน เล่าขานกันว่าทางช้างเผือกได้พรากคู่รักทั้งสองออกจากกัน
และอนุญาติให้ทั้งคู่ได้เจอกันแค่ปีละครั้งในวันที่7เดือน7ของทุกปี
ปรัชญาขององค์กร
“ปลูกฝังและส่งเสริมสิ่งดีๆ ให้สังคม
ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
เพื่อให้ผู้บริโภคมีสุขภาพกายและใจที่ดี ”
เป้าหมายในการทําธุรกิจของคาลพิส
การทําให้เครื่องดื่ม คาลพิส และ คาลพิโก้ ขึ้นเป็นผู้นําในตลาดเครื่องดื่ม
และได้รับการยอมรับในหมู่ผู้บริโภค ภายใต้แนวคิด
“เพื่อให้ความสุข ทั้งร่างกายและจิตใจ”
“カラダにピース”